My confusion (spock x kirk) 3/3

อ่าน Part1   Part2

 

Part 3

 

สิ้นคำพูดสป็อคก็ไม่สนใจเคิร์กที่กำลังประมวลผลทำพูดของเขา และเริ่มก้มลงสัมผัสริมฝีปากที่แดงระเรื่อเย้ายวนใจเพราะผลมาจากการกระทำก่อนหน้า ด้วยริมฝีปากอุ่นของตน

 

เคิร์กที่ไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง โดนรุกรานอย่างกะทันหันทำให้ชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มคล้อยตามผู้ชักนำไปทีละส่วนทีละส่วน จนไม่ได้สนใจถึงฝ่ามืออุ่นที่กำลังเลิกเสื้อของตนขึ้นเหนืออก สองมือหนาของชาววัลแคนไล้สัมผัสร่างกายของเคิร์กไปทั่วปลุกเร้ากามอารมณ์ที่ขึ้นง่ายเป็นปกติของเคิร์กให้พุ่งพล่าน

 

เคิร์กครางอื้มในลำคอเพราะเริ่มมีอารมณ์ เขาไม่ได้สนใจมือซุกซนที่กำลังคุกคามตน เพราะรสจูบของชาววัลแคนที่กำลังมอบให้เขามันช่างรุนแรงแต่เร้าใจเขาเหลือเกิน หยาดน้ำใสเลอะขอบปากของเคิร์กเล็กน้อยเมื่อสป็อคถอนริมฝีปากออกมา เคิร์กหายใจเข้าอย่างรุนแรงอีกครั้ง เพราะโดนช่วงชิงลมหายไปนานพอสมควร

 

สป็อคเริ่มไซร้หน้าไปตามลำคอของเจ้าของดวงตาสีสวย ขบกัด และ แสดงความเป็นเจ้าของอย่างรุนแรงและเอาแต่ใจ เรียกเสียงร้องครางแผ่วเบาจากร่างด้านใต้ได้เป็นอย่างดี สองมือชาววัลแคนฉีกทึ้งเสื้อของเคิร์กออกไป และนั่นก็ทำให้เคิร์กกลับมาได้สติ รับรู้ถึงสถานการณ์ที่กำลังเสียเปรียบของตน

 

เคิร์กเหลือบตามองสป็อคอย่างตกใจในการกระทำ “นาย… จะทำอะไรสป็อค! อ้ะ!” เคิร์กตั้งใจจะพูดกับสป็อค แต่ก็ต้องหยุดคำพูดลง เพราะสองมือที่ฉีกเสื้อของเขาทิ้งไปกลับมาแตะต้องแถวหน้าอกของเขาแทน “เฮ้ อ้ะ อือ…” เคิร์กเริ่มกระสับกระส่ายด้วยแรงอารมณ์ที่มาจากมือของสป็อค เขารู้สึกว่ามือของชาววัลแคนตรงหน้าเขาเหมือนมีอะไรซักอย่างที่สามารถปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างดี

 

“ดูเหมือนคุณจะมีจุดไวสัมผัสอยู่ที่หน้าอก” สป็อคกระซิบเสียงแหบพร่า ก่อนจะโน้มหน้าลงมา จุมพิตบริเวณยอดอกแผ่วเบา

 

เคิร์กรู้สึกเขินอายกับการกระทำน่ารักๆของสป็อค แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดทันทีเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขบกัดดูดดึงยอดอดเขาอย่างแรง เคิร์กเด้งช่วงบนของร่างกายขึ้น สองมือกอดคอสป็อคด้วยความวาบหวาม “อึก! ให้ตา..ย เถอะ สป็อค อือออ” เคิร์กอยากจะก่นด่าอีกฝ่ายแต่ก็ทำไม่ได้เพราะแรงอารมณ์ทำให้เขาเริ่มสติพร่ามัวคิดอะไรไม่ออก “หยุด… ไม่ ฉันยังไม่ยอมรับนายนะ!”

 

ตาสีเข็มของชาววัลแคนเงยหน้าขึ้นมาจ้องกัปตันยานของตน และนั้นก็ทำให้เคิร์กมีโอกาสได้ผลักสป็อคออกไป แต่แน่นอนแรงของมนุษย์ไม่สามารถสู้แรงของวัลแคนได้ แต่นั้นก็ไม่ทำให้เคิร์กยอมแพ้ ร่างของเคิร์กเริ่มดิ้นไปมาอย่างแรง แต่ก็ต้องหยุดเพราะมือเพียงมือเดียงของชาววัลแคนบนร่าง

 

สป็อคใช้มือดันให้เคิร์กอยู่นิ่งกับที่ ก่อนจะเอ่ยถาม “ผมไม่เข้าใจจิม คุณตอบรับความรักของผม แต่คุณไม่ยอมรับผม”

 

ดวงตาสีฟ้าสวยมองสป็อคแบบไม่พอใจ “นายไม่เข้าใจหรอก!” แม้จะพูดไปแบบนั้น เคิร์กก็อดคิดถึงสาเหตุที่แท้จริงของการกระทำของตัวเองไม่ได้ ‘เพราะนายไม่ยอมอยู่ด้านล่างแน่นอนไง!’

โดยไม่ทันรู้สึกถึงมืออีกมือที่กำลังวางอยู่บนใบหน้าและลำคอของตน

 

“ยอมรับครับ ผมไม่ยอมอยู่ด้านล่างแน่นอน” สป็อคทีอ่านความคิดของเคิร์กตอบกลับความคิดในใจของคนใต้ร่าง

 

เคิร์กเบิกตากว้างอย่างตกใจ พลันรู้สึกได้ถึงฝ่ามือของอีกฝ่าย จึงรีบปัดออก “ให้ตายเถอะสป็อค นายควรให้สิทธิ์ความเป็นส่วนตัวทางความคิดของฉัน!”

 

“หากคุณตอบรับเป็นคู่พันธะของผมอย่างเต็มตัว เราจะไม่มีอะไรปิดบังต่อกัน”

 

เคิร์กแทบจะยกมือขึ้นมากุมหัวตัวเอง นี่ตัวเขาโดนเบี่ยงเบนประเด็นที่ต้องการบอกอีกฝ่ายไปกี่รอบแล้วเนี้ย! “ไม่สป็อค ฉันไม่ยอมอยู่ด้านล่างนาย” เคิร์กพูดออกมาเพราะคงไม่ต้องคิดปิดอีกฝ่าย ยังไงก็โดนรู้ไปแล้ว

 

“ขอทราบเหตุผล และถ้าคุณไม่ยอมพูดบอก ผมจะถามคุณผ่านการเชื่อมจิตอีกครั้ง” สป็อคพูดกดดันผู้เป็นกัปตันของตน

 

“โอ้ พระเจ้าให้ตายเถอะ นายมัน… ” เคิร์กบ่นใส่สป็อคทันที เมื่อโดนบีบบังคับ “ไม่ หยุดมือของนายสป็อคให้ตายเถอะ ฉันต้องพูดคำนี้อีกกี่ครั้ง ! ฉันกำลังจะเป็นโบนส์สองแล้ว!” เคิร์กเค้นเสียงอย่างเหลืออดเมื่อมืออุ่นของชาววัลแคนเริ่มเคลื่อนตัวมากำลังจะทำการเชื่อมจิต สป็อคหยุดตามคำสั่งของเคิร์ก เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันวันนี้ ว้าว! เขาควรดีใจใช่ไหมเนี้ย

 

“ขอทราบเหตุผลครับ” สป็อคกดดันด้วยคำเดิม

 

เมื่อโดนย้ำมากๆ  เคิร์กชี้ไปที่เสื้อที่โดนฉีกขาด และไล้มือไปบนลำคอ หน้าอก และ ริมฝีปากของตน แล้วก็โวยเสียงดัง “นายดูมันสิสป็อค เสื้อฉันขาด คอฉันเป็นจ้ำ หน้าอกฉันก็แดงไปหมด แถม ปากของฉันไม่ต้องส่องกระจกฉันยังรู้เลยว่ามันบวมเฉ่ง ขนาดนายยังไม่ทำอะไรมากมายฉันยังเป็นขนาดนี้ คิดว่าฉันจะยอมให้วัลแคนบ้าพลังอย่างนายทำช่วงล่างฉันพังหรอ! ฝันไปเถอะสป็อค!”

 

สป็อคพยักหน้าตอบรับ “รับทราบเหตุผลครับ แต่ผมยังไม่ถือว่ามันสมเหตุสมผลมากพอที่จะสามารถหยุดผมได้” สป็อคมอง และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนปกติ “จิม… รู้ไหม มือของวัลแคนนอกจากจะไวต่อสัมผัสยังสามารถกระตุ้นและทำให้ร่างกายคุณร้อนขึ้นได้ด้วย” พูดจบสป็อคก็ใช้มือกดไปที่ด้านข้างคอของคนใต้ร่างของตน

 

“นาย.. อ๊า! ไม่….นายทำอะ อะ…ฮือ” เคิร์กไม่สามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งที่สป็อคทำคืออะไร แต่มันเหมือนไปโดนจุดไวสัมผัสอะไรซักอย่างบนร่างกายของเขา ทำให้อารมณ์ของเขาแทบจะพุ่งทะลักออกมาในทันที ร่างของเคิร์กตอนนี้เริ่มบิดเร้าเพราะแรงอารมณ์อีกครั้ง

 

มืออุ่นเริ่มลูบไล้ไปทั่วร่างกายสวยของเคิร์ก และทุกครั้งที่ฝ่ามืออุ่นของชาววัลแคนพาดผ่านร่างกายของเขา ก็ยิ่งเพิ่มเสียงครางแผ่วออกจากปากของเคิร์ก “โอ้ พระเจ้า นายทำอะไรฉันสป็อค” เคิร์กที่ตอนนี้กำลังโดนปลุกอารมณ์ เริ่มที่จะทนไม่ไหว เลือกที่จะถอดกางเกงของตนออก จนเหลือแต่ชั้นใน สองมือเลื่อนลงมาหมายที่จะจับเข้าที่แก่นกายของตน เพื่อทำการระบายอารมณ์น่าอายที่กำลังพุ่งออกมาเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุดจากสัมผัสของสป็อค

 

สป็อคใช้มือของตนหยุดการกระทำของคนใต้ร่าง “ผมยังไม่อนุญาตครับกัปตัน” สป็อคโน้มลงมากระซิบ

 

เคิร์กหวีดร้อง เพราะ สป็อคกำลังใช้มืออุ่นๆเร่งอารมณ์ดิบในร่างกายเขาให้ออกมา แต่กลับขัดขวางไม่ให้เขาระบายมันออก เคิร์กกำลังทรมาณจนแทบจะบ้า การกระทำของสป็อคเป็นการทำร้ายคนที่ปลุกเร้าอารมณ์ง่ายแบบเขาที่สุด

 

หน้าเริ่มแดงกร่ำ น้ำตาเริ่มคลอเบ้า และลมหายใจที่กำลังหอบสั่น คำนิยามทั้งหมดตอนนี้กำลังรวมอยู่บนใบหน้าของ เจมส์ ไทบีเรียส เคิร์ก

 

และตอนนี้ เจมส์ ไทบีเรียส เคิร์ก  ผู้ไม่เคยแพ้ กำลังจะพ่ายแพ้ให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเอง…

“ได้สป็อค ฉันยอม ฉันยอมทุกอย่างเลย แต่อย่าทรมาณฉันแบบนี้ ฉันทนไม่ไหวแล้ว”

 

สิ้นคำพูดที่สป็อคถือว่าเป็นคำพูดตอบรับ ชั้นในของเคิร์กก็อันตรธานหายไปจากตัวของเคิร์กทันที ด้วยแรงดึงของชาววัลแคนบนร่างของผู้พ่ายแพ้ใต้ร่างของสป็อค “ผมถือว่าเป็นคำพูดตอบรับ อะชายา ” สป็อคก้มหน้าลงไปขบกัดกระตุ้นแรงอารมณ์ดิบแถวลำคอของเคิร์กอีกครั้ง จนทำให้เคิร์กครางลั่นขึ้นมาอีกหนด้วยแรงอารมณ์ที่บดบังทุกอย่างให้หายไป เหลือแต่เพียงความต้องการน่าอายของร่างกาย และแน่นอนเมื่ออารมณ์กำลังพุ่งสูงแบบนี้ เจมส์ ไทบีเรียส เคิร์ก จะไม่ทนอีกต่อไป

 

“ทำมันสป็อค ตามที่นายต้องการ ปลดปล่อยฉัน” เคิร์กที่ตอนนี้ต้องการเพียงการปลดปล่อย เอ่ยเร่งเร้าให้สป็อคช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความทรมาณนี้เสียที “แตะมันสป็อค มันต้องการนาย” เคิร์กเด้งร่างกายส่วนล่างไปบดเบียดกับส่วนนูนป่องของสป็อคที่กำลังอยู่ภายในกางเกงของสป็อค จนคนโดนบดเบียดต้องกัดฟันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ที่กำลังจะรุนแรงขึ้น

 

“เป็นไปตามที่คุณต้องการ กัปตัน” สป็อคที่ตอนนี้กลับมาทำหน้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ดี เลื่อนมือไปสัมผัสกับแก่นกายของอีกฝ่าย สัมผัส และ รูดรั้ง ขึ้นลงอย่างรู้จุด ที่ทำให้กัปตันของตนรู้สึกดีจนแทบบ้า สองมือสัมผัส พร้อมกับริมฝีปากที่กำลังหยอกล้อกับยอกอกของเคิร์กอย่างรุนแรง สร้างความเสี่ยวซ่านให้เคิร์กจนต้องใช้มือทึ้งผ้าปูเตียงไปมา

“ถอดเสื้อให้ผมสิครับจิม” สป็อคร้องขอ

 

เคิร์กที่ตอนนี้ในหัวสมองขาวโพลนไปหมด ทำตามคำขอของสป็อค ด้วยการถอดเสื้อของอีกฝ่ายออก และ เริ่มไล้สัมผัสไปทั่วแผ่นหลังของอีกฝ่าย นิ้วไล้ไปตามแนวสันหลังแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มลงแรงข่วนแผ่นหลังอีกฝ่ายเบาๆหยอกล้อ แล้วหัวเราะเบาๆ ใช้สีตาสวยที่ตอนนี้กำลังหยาดเยิ้มไปด้วยแรงอารมณ์มองสป็อค

 

และนั้นก็เหมือนทำให้ความคิดด้านเหตุผลของสป็อคขาดออกจากกัน เริ่มอารมณ์ดิบเถื่อนของชาววัลแคนแทน สป็อคถอดกางเกงและชั้นในของตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอื้อมตัวไปเปิดลิ้นชักข้างเตียงที่มีเจลหล่อลื่นอยู่

 

ในระหว่างที่สป็อคกำลังเอี้ยวตัวไปหยิบของข้างเตียง นั้นก็ทำให้เคิร์กใช้โอกาสพลิกตัวให้อีกฝ่ายนอนอยู่ใต้ร่างของตนแทน สองมือทึ้งหัวของสป็อคให้เงยหน้าขึ้น ก่อนจะโน้มตัวลงสอดลิ้นเข้าไปแลกสัมผัสกับลิ้นร้อนๆของชาววัลแคน

 

สป็อคตอบกลับสัมผัสทางปากของเคิร์กอย่างรุนแรงแต่เร้าอารมณ์ มืออีกข้างที่ว่างเริ่มลูบไปตามต้นขาไล้ขึ้นไปหยอกเย้าบั้นท้ายสวยของคนบนร่าง ก่อนจะบีบเจลลงบนนิ้วมือของตัวเองและเริ่มสอดเข้าไป

 

เคิร์กสะดุ้งอย่างตกใจ เมื่อมีความรู้เย็นเข้ามาในร่างกายของตน เคิร์กถอนริมฝีปากออกจากสป็อค แต่ก็ต้องก้มลงไปรับผิดชอบริมฝีปากอุ่นของชาววัลแคนใหม่ เพราะสป็อคใช้อีกมือนึงกดท้ายทอยไม่ให้เงยหน้าออกไป เคิร์กครางในลำคอเพราะการรุกรานจากด้านหลังที่ไม่เคยมีใครได้เข้าไปก่อน จนน้ำใสเลอะขอบปากของเคิร์ก

 

สป็อคถอนนิ้วออกมา ก่อนจะพลิกร่างของเคิร์กให้กลับไปอยู่ด้านล่างโดยที่ยังไม่ได้ถอนริมฝีปากออก และสอดใส่นิ้วเข้าไปใหม่ โดยเพิ่มจำนวนนิ้วขึ้น โดยที่อีกมือก็ไปหยอกเย้ากับหน้าอกสวยของกัปตันหนุ่ม

 

“ฮือ อือ” เคิร์กครางในลำคอ เพราะความหรรษาที่ได้รับจากทั้งด้านล่าง และ ด้านบน

 

สป็อคถอนริมฝีปากออกจากเคิร์ก “ผมขออนุญาต” สิ้นคำพูดที่ไม่ฟังคำตอบจากคนใต้ร่าง ชาววัลแคนก็สอดใส่แก่นกายของตัวเองเข้าไปทันที

 

“อ๊า! ให้ตายเถอะ เจ็บ! ” เคิร์กที่โดนความใหญ่ของสิ่งที่เข้ามาในร่างกาย ทำให้แรงอารมณ์ก่อนหน้าหนหายไปเกือบหมด “พระเจ้า! นายเอาไอ้แท่งนั่นเข้ามา ไม่สป็อค มันใหญ่ไป!” เคิร์กถดร่างหนีจากอีกฝ่าย เพราะรู้สึกการฉีกขาดของเบื้องล่างของตน ซึ่งมันทำให้เขาน้ำตาไหลเลยทีเดียว แต่ไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อก็ต้องครางลั่นห้องเพราะสป็อคเข้ามาในจิตของเขา แบ่งปันความหรรษาให้เขาจนร่างกายกลับมาเต็มไปด้วยแรงอารมณ์อีกรอบ

 

สป็อคใช้โอกาสที่เคิร์กกำลังมีอารมณ์เพราะจิตของเขา เริ่มขยับสิ่งที่อยู่ภายในเคิร์กช้าๆ จนทำให้คนใต้ร่างเริ่มส่งเสียงน่ารักออกมาอีกครั้ง

 

“พระเจ้า นายกำลังขยับ อ้ะ! อื้อ” เคิร์กอดจะครางออกมาไม่ได้เมื่อภายในกำลังโดนเสียดสีด้วยแท่งเนื้ออุ่นของชาววัลแคน

 

เมื่อเห็นว่าเคิร์กเริ่มตอบรับร่างกายของตน สป็อคที่กำลังอดกลั้นไม่ทำอะไรรุนแรง ก็เริ่มขยับเร็วและแรงขึ้น จนทำให้เคิร์กร้องหวีดออกมาหลายรอบ

 

เคิร์กที่ตอนนี้ปลดปล่อยไปสองครั้ง แต่ก็ยังไม่โดนปล่อยตัวจากการคุกคามของชาววัลแคนบนร่าง “ฮือ.. สป็อค นาย..แรงไป อ๊า… !” เคิร์กหอบหายใจอย่างเหนื่อยหอบ เพราะสป็อคยังไม่แม้แต่จะปลดปล่อยออกมาแม้แต่ครั้งเดียว นั่นทำให้เคิร์กรับรู้ได้ทันทีว่า… ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล….

 

ผลจากความบ้าพลัง และ ความรุนแรงของสป็อคเมื่อคืนก็ส่งผลให้วันต่อมากัปตันของยาน ยูเอสเอส เอนเตอร์ไพรซ์ไข้ขึ้นสูง จนทำให้ผู้ทำความผิดครั้งนี้ต้องรีบพากัปตันตัวเองบีมกลับไปบนยานเพื่อนำตัวคนป่วยไปส่งให้คุณหมอแม็คคอย

 

“โว้ว ให้ตายเถอะสป็อค ฉันไม่ได้บอกให้นายทำรุนแรงขนาดนี้ นายควรยับยั้งชั่งใจมากกว่านี้ถึงจิมจะชอบปาร์ตี้ขนาดไหน แต่จิมไม่เคยให้ใครเสียบด้านหลัง” โบนส์ที่ตอนนี้กำลังตรวจเช็คร่างกายของเคิร์กหลังจากที่ฉีดไฮโปสเปย์และให้ยารักษาเรียบร้อยแล้ว พูดบ่นใส่สป็อค เพราะอาการของคนบนเตียงมันเป็นสิ่งที่บ่งบอกเลยว่า ไอ้หนูผีหูแหลม มันไม่ยั้งมือเลยแม้แต่นิดเดียว!

 

“ขออภัย ความรู้สึกในเรื่องความต้องการทางร่างกาย เป็นสิ่งที่ผมยังค่อนข้างจะควบคุมมันได้ยาก”

 

“จากสายตาของฉัน..” โบนส์มองสภาพที่เต็มไปด้วยรอยจูบ และ ริมฝีปากบวมช้ำจากการจูบ ของเคิร์ก แล้วจึงเหลือบตาไปพูดต่อ “นายไม่ได้ยั้งมือเลยสป็อค โอ้ะ ให้ตายนี่นายหลั่งในไปรึเปล่า”

 

“ยืนยันครับ”

 

“ซวยแล้ว ฉันลืมบอกนายไป ถ้าหลั่งในนายต้องเอาสารคัดหลั่งของนายออกมา ไม่งั้นมันจะทำให้จิมไม่สบายตัว– ” ไม่ทันที่โบนส์จะพูดต่อจนจบ คนที่คิดว่ากำลังหลับด้วยพิษไข้ก็ตื่นขึ้นมา

 

“ฝีมือนายเองสินะโบนส์” เคิร์กกรอกตามองเจ้าของชื่อที่ตนเรียก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เพราะไม่สบาย

 

“คุณฟื้นแล้วจิม” สป็อคเอ่ยด้วยน้ำเสียงยินดี

 

เคิร์กไม่ตอบรับอะไร เพราะนอนฟังทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ได้พักหนึ่งแล้ว จึงทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าอาการแปลกๆเมื่อคืนของต้นหนคนเก่งของเขานั้นมาจากเพื่อนรักของตน เคิร์กมองโบนส์ด้วยสายตาคาดโทษนิดหน่อย ก่อนจะหันมาพูดกับสป็อค “นายไม่ควรจะอยู่กับโบนส์มากไปนะสป็อค”

 

“เฮ้ ฉันยัง– ”

 

ไม่ให้โบนส์พูด เคิร์กก็สวนกลับไปก่อน “ฉันเอานายคืนแน่โบนส์ ส่วนสป็อค ฉันไม่ยอมเป็นแฟนนายหรอกนะ” ทิ้งระเบิดจบ เคิร์กก็พลิกตัวไปอีกด้าน คลุมตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราในทันทีเพราะฤทธิ์ยาที่เริ่มออกฤทธิ์มาซักพักแล้ว ทิ้งให้มีคนร้อนใจสองคนที่ยังไม่ทันถามเหตุผลหรือขัดแย้งอะไรได้เลยแม้แต่น้อย

 

 

end

 

 

 

 

talk 

เอาเป็นว่าจบเถอะค่ะ ฮาาาาาาาาา แต่รู้สึกเหมือนไม่จบ ถถถถถถถถ. 

my confusion จบแล้วนะคะ แฮร ขอบคุณที่เข้ามาอ่านหนาาา

สายดองแต่งจบแบ้ว ฮรือ ; v ;

My confusion (spock x kirk) 2/3

อ่าน Part 1

Part 2

 

เคิร์กถอยหนีอย่างตกใจกับร่างของต้นหนประจำยานของเขาที่เริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ชาววัลแคนตรงหน้าเขากำลังเริ่มมีท่าทีคุกคามเขาแบบแปลกๆ ทำให้ตอนนี้ลางสังหรณ์ของเคิร์กทำงานทันที เคิร์กกำลังรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยของตัวเขาเอง แม้จะไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็ตาม

 

แต่ด้วยความตกใจปนกับไม่มีสติทำให้แทนที่จะลุกขึ้นหนี เคิร์กกลับถดหนีขึ้นไปบนเตียงจนหลังไปชนกำแพงที่กั้นเตียงไว้อีกด้าน เคิร์กรู้สึกถึงภัยคุกคามจากคนใต้บังคับบัญชาของตัวเองจึงเริ่มใช้อำนาจกัปตันของตัวเอง “เฮ้ๆๆ ผู้การผมสั่งให้ถอยออกไปเดี๋ยวนี้”

 

สป็อคไม่สนใจคำสั่งของเคิร์ก พาตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงก่อนจะใช้มือสองข้างเท้ากำแพงให้มนุษย์ตรงหน้าอยู่ภายใต้การจับกุมของแขนตน “ด้วยตอนนี้คุณและผมไม่ได้อยู่ในขณะปฏิบัติภารกิจ คุณจึงไม่อาจจะใช้อำนาจกัปตันสั่งการผมได้ครับ”

 

เคิร์กหยุดนิ่งไม่กล้าขัดขืนคนที่กำลังคุกคามตนอย่างชัดเจน เพราะยังขยาดกับแรงของชาววัลแคนที่สป็อคเคยใช้กับตนตอนที่มีเรื่องกันในครั้งที่เขาได้ขึ้นยานเอนเตอร์ไพรซ์ในฐานะผู้ป่วยของโบนส์ เคิร์กเงยหน้าขึ้นมองชาววัลแคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในการกระทำ “แต่ตอนนี้นายกำลัง… ทำอะไรแปลกประหลาดอยู่ นายไม่ควรทำแบบนี้”

 

สป็อคกระซิบ “แต่ผมเชื่อว่าผมควรทำแบบนี้” สป็อคเลื่อนมือลงมาใช้นิ้วแตะที่หน้าและลำคอของเคิร์กโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัวและเริ่มเชื่อมจิตทันที

 

เคิร์กที่ตอนนี้ไม่สามารถหลบหลีกได้ โอดครวญขึ้นอย่างอับอาย เพราะรับรู้ได้ในสิ่งที่สป็อคกำลังค้นหาจากตน

 

สป็อคกำลังค้นหาเรื่องก่อนหน้าที่ทำให้เคิร์กต้องหลบหนีออกมา ย้อนไปจนถึงบทสนทนาระหว่างเคิร์กกับโบนส์ที่กำลังเมาหลังจากปาร์ตี้วันเกิดของเคิร์ก เมื่อได้สิ่งที่ต้องการสองมือหนาก็ละออกมาจากใบหน้าและลำคอของกัปตันประจำยานเอนเตอร์ไพรซ์

 

เคิร์กเมื่อหลุดจากการเชื่อมจิตก็สูดลมหายใจอย่างหนัก เพราะอารมณ์สับสนของเขากำลังกลับมาจากการเชื่อมจิต เคิร์กมองสป็อคอย่างงุนงง “นายหาอะไรในหัวฉัน” เขารู้ทั้งหมดที่ต้นหนคนเก่งของเขาหา แต่เขาไม่รู้ว่าส่วนไหนที่อีกฝ่ายต้องการ

 

สป็อคที่ตอนนี้กำลังกักตัวเคิร์กอยู่แบบที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวด้วยการกวมทับอีกฝ่ายไว้ ไม่สนใจคำถามของเคิร์ก “คุณกำลังสับสน กัปตัน ”

 

“ห้ะ” เคิร์กเงยหน้ามองอีกฝ่าย พลันรู้สึกถึงท่าของตัวเองกับสป็อคที่กำลังอยู่ในท่าล่อแหลมแปลกๆ ถ้าอีกฝ่ายเป็นสาวๆเขาคงจะไม่คิดมาก เพราะเขาก็ไม่ถือสากับท่าทีที่เหมือนจะรุกของสาวๆอยู่แล้ว “ช่วยลงจากตัวของผมด้วยสป็อค”

 

“ขอปฏิเสธครับ”

 

“เฮ้!” เคิร์กเริ่มส่งเสียงไม่พอใจ “นายเป็นอะไรสป็อค” เคิร์กเลือกที่จะมองข้ามประโยคส่วนก่อนหน้าที่เปรยถึงความสับสนของเขา ใครมันจะไปอยากพูดเรื่องที่ตัวเองไม่เข้าใจกันละ!

 

“ผมเป็นต้นหนของคุณครับ กัปตัน เจมส์ ไทบีเรียส เคิร์ก” ชาววัลแคนตอบตรงตามความจริงแบบไม่ผิดเพี้ยน แต่เพราะคำตอบนั้นเองที่ทำให้คนใต้ร่างเริ่มจะไม่พอใจมากกว่าเดิม

 

“ใช่สป็อค ฉันรู้ว่านายเป็นคนของฉัน ที่ตอนนี้ไม่ยอมฟังคำสั่งของฉัน แต่สิ่งที่ฉันกำลังถามนายคือ ตอนนี้นายกำลังบ้าอะไรอยู่บนตัวฉัน” เคิร์กถามโดยเก็บความหงุดหงิดที่ได้คำตอบที่เหมือนกับกวนของชาววัลแคนบนร่างของเขาเอง “และฉันต้องการคำตอบ”

 

“ด้วยการอ้างอิงจากหนังสือเรื่องความรู้สึกของชาวโลก ความสับสนของคุณในตอนนี้กำลังเข้าข่ายคนกำลังมีความรัก การกระทำของคุณคือเริ่มจากการเสียใจที่คนในความสับสนของคุณกำลังจะจากคุณไปไกล ซึ่งนั้นคือผม คุณหนีออกมาเพราะไม่รู้อยากได้ยินการลาออกจากผม และความสับสนของคุณหายไปเมื่อคุณรู้ว่าผมไม่ได้ลาออก…”

 

เคิร์กที่ตอนนี้ได้ยินคำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้ใบหน้าเริ่มขึ้นริ้วสีแดงที่แก้มเพราะความอาย เคิร์กคิดตามที่สป็อคบอกเพราะเขารู้ว่าต้นหนของเขามีเหตุผลเสมอ แต่ด้วยความรั้นที่ไม่คิดจะยอมรับทำให้ต้องแย้งออกไปขัดการพูดต่อของสป็อค “เฮ้ ไม่ คือ ไม่ ฉันว่า… นายคิดมากไป คือ ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่หรอก ฉันไม่ได้รักนาย” ประโยคหลังเคิร์กพึมพำเสียงแผ่วด้วยความไม่มั่นใจ

 

สป็อคเหยียดยิ้มนิดหน่อย โน้มหน้าลงมาชิดเคิร์ก จนลมหายใจสัมผัสกัน “ด้วยคำพูดของคุณในตอนนี้ คุณกำลังไม่มีเหตุผลครับกัปตัน หากจะให้พูดตามคำพูดของชาวโลกที่ผมได้ยินบ่อยๆคือ คุณกำลังไม่ยอมรับความจริง”

 

หน้าของเคิร์กเห่อร้อนขึ้นเรื่อยๆเมื่อสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดที่ไม่เคยได้รับจากต้นหนของยาน “ไม่ ฉัน ฉัน ฉันไม่ได้ไม่ยอมรับความจริง” เคิร์กที่ตอนนี้โดนโจมตีจากความใกล้ชิดคนด้านบน และความคิดของตัวเอง เริ่มจะหาสาเหตุจนหัวแทบหมุน

 

“อ้างอิงจากคำพูดของคุณหมอที่บอกว่าคุณเป็นคนฉลาด แต่กลับโง่เรื่องความรู้สึก ซึ่งตอนนี้ผมก็เริ่มที่จะเห็นด้วยกับคำพูดของคุณหมอ”

 

เคิร์กเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูด ก็แอบคาดโทษโบนส์อยู่ในใจอย่างเงียบๆ “แล้วไง” เคิร์กยักไหล่ไม่ใส่ใจ

 

“ด้วยอาการไม่ยอมรับความจริงของคุณตอนนี้ ผมคงต้องทำตามคำแนะนำของคุณหมอ”

 

“อะไรขอ..” และไม่ทันที่เคิร์กจะพูดจบ ชาววัลแคนหนึ่งเดียวของสตาร์ฟรีตก็จู่โจมริมฝีปากของเคิร์กทันที ด้วยความตกใจทำให้เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายรุกรานเข้ามาอย่างง่ายดาย สป็อคเกี่ยวตวัดลิ้นเคิร์กอย่างเชี่ยวชาญ จนพาลทำให้เคิร์กที่เจนจัดเรื่องบนเตียงกับสาวๆลืมตัวตวัดลิ้นจูบตอบอย่างลืมตัว ทั้งสองแลกสัมผัสเปียกชื่นอยู่นานจนเคิร์กเป็นฝ่ายเริ่มหมดลม ทุบอกบอกให้อีกฝ่ายถอนริมฝีปากออก สป็อคยอมหยุด และถอยหน้าออกมาเล็กน้อย

 

“นายดูไม่น่าจะเก่งอะไรแบบนี้… อื้อ!” เคิร์กบ่นเบาๆ เพราะตนเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำในอีกฝ่าย

 

และแน่นอน หูของชาววัลแคนทำหน้าที่ได้ดีเสมอ สป็อคโน้มเข้ามายึดครองริมฝีปากที่เริ่มสีแดงระเรื่อจากการจูบครั้งแรกอีกครั้ง และ อีกครั้ง วนซ้ำไปซ้ำมาจนเคิร์กหอบหายใจอย่างหนักเพราะไม่มีโอกาสได้หยุดแย้งหรือพูดอะไรออกมา

 

เคิร์กที่ปกติจะเป็นผู้นำเมื่ออยู่บนเตียงถึงกับต้องหมดแรงเพียงแค่จูบของสป็อค เคิร์กมองสป็อคอย่างงุนงงอีกครั้ง เมื่อสิ้นสุดจูบอันยาวนาน เคิร์กกำลังพาสติที่หายไปกลับมา ดวงตาสีฟ้าสวยมองตามริมฝีปากได้รูปของสป็อคอย่างลืมตัว “นาย.. ทำอะไร”

 

“ทำให้คุณรู้ใจตัวเองครับ กัปตัน”

 

เคิร์กที่สติเริ่มกลับมา เริ่มประมวลผลมองอีกฝ่าย และคิดไปถึงการกระทำอันน่าอายระหว่างเขากับสป็อคก่อนหน้า สองนิ้วยกขึ้นแตะริมฝีปากของตนเองขบกัดเล็กน้อย แล้วเหล่สายขึ้นสบตากับชาววัลแคนที่ตอนนี้กำลังกักตัวเขาไม่ไปไหน ดวงตากลับมาหลุบต่ำหลบสายตาของสป็อค

 

“หากคุณไม่รังเกียจที่ผมจูบแบบมนุษย์กับคุณ เพียงเท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับผม” สป็อคเอ่ยบอกเมื่อเห็นเคิร์กกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก

 

ใช่… เขาไม่รังเกียจ กลับกัน มันรู้สึกดีเป็นบ้า

เคิร์กคิดก่อนจะหน้าแดงกับความคิดตัวเอง เลียริมฝีปากอย่างลืมตัว

 

สป็อคมองการกระทำที่กำลังยั่วยวนของอีกฝ่ายอย่างอดกลั้น แต่เพราะต้องการให้เคิร์กขบคิดหาคำตอบให้กับตัวเองก่อนจึงยอมอดทนรอ “ชาววัลแคนอย่างผมซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองมากกว่ามนุษย์อย่างคุณอีกนะครับกัปตัน”

 

เคิร์กสะอึกไปเบาๆกับคำพูดของอีกฝ่าย เคิร์กคิดไปมาอย่างยอมแพ้ เพราะแท้จริงแล้วตัวเขาก็พอจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าตัวเองเป็นอะไร เพียงแต่เพราะอีกฝ่ายเป็นสป็อค แม้จะเลิกกับอูฮาร่าไปแล้วก็ตาม มันทำให้เขาพาลไม่ยอมรับความจริงอยู่ดี ไม่ใช่เพราะรังเกียจ.. แต่เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาจมกับชาววัลแคนที่เป็นผู้ชายอย่างสป็อคนะสิ!

 

“จิม” น้ำเสียงเว้าวอนชวนใจอ่อนของสป็อคบวกกับที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเคิร์กด้วยชื่อที่คนสนิทเรียก ทำให้เคิร์กใจสั่น

 

เคิร์กปิดตายอมจำนน เบื้อนหน้าไปอีกทางไม่มองสป็อค แล้วตะโกนด้วยความเคือง “เออน่า! ฉันรู้แล้ว ให้ตายเถอะฉันต้องยอมรับใช่ไหมว่าตัวเอง ชอบนาย!” สิ้นคำพูดใบหน้าของเคิร์กก็แดงก่ำไปจนถึงใบหูเพราะความอับอาย

 

“ขอบคุณครับจิม” สป็อคตอบรับ

 

“ให้ตายเถอะ” มือสวยยกขึ้นลูบใบหน้าแดงก่ำ “ออกไปจากตัวฉันได้แล้วสป็อค หนัก” เจ้าของดวงตาสวยบ่นใส่สป็อค

 

“ขอปฏิเสธครับ ด้วยคำพูดตอบรับของคุณเมื่อซักครู่นี้ ผมถือว่าเป็นการตอบรับการเป็นคู่พันธะกับผม ซึ่งมันทำให้ผมมีสิทธ์ในตัวคุณมากพอที่จะเริ่มการกระทำต่อไป”

 

“นายหมายถึงอะไร ทำไมวันนี้นายพูดอะไรเข้าใจยากมากกว่าปกตินะสป็อค” เคิร์กเบ้ปากบ่นใส่สป็อค เพราะไม่เข้าใจความหมายของคำพูดของอีกฝ่าย

 

“การเริ่มต้นชีวิตคู่ครับ จิม” สป็อคเฉลยเสียงราบเรียบเหมือนปกติ

 

“โอ้ พระเจ้า” เคิร์กใจสั่นเล็กน้อยกับคำตอบของสป็อค แต่ก็ไม่วายพาลแขวะกลับไป “นายมั่นใจได้ไงว่าฉันจะเป็นแฟนนาย ถึงฉันจะยอมรับว่าชอบนายก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องเป็นแฟนนายหรอกนะผู้การ” เคิร์กดันอีกฝ่ายออกอย่างแรง แต่แรงของมนุษย์ก็ยังไม่สามารถสู้แรงของวัลแคนได้อยู่ดี สป็อคจึงไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย ราวกับแรงของจิมเป็นเพียงแรงของเด็กน้อย เคิร์กจึงหยุดการกระทำอันเปล่าประโยชน์และหันไปมองสป็อคอย่างไม่ยอมแพ้แทน

 

“ด้วยคำแนะนำของคุณหมอได้กล่าวว่า หากไอ้เด็กบ้ามันดื้อด้านไม่ยอมรับ ก็ใช้กำลังกำหราบมันซะ แล้วพามันกลับมาให้ฉันรักษาและสมน้ำหน้ามันทีเดียวไปเลย ซึ่งได้ตรงกับการกระทำของคุณตอนนี้ ผมจึงขอกระทำสิ่งที่ชาวโลกเรียกกันว่า ให้ร่างกายเป็นคำตอบ ครับ”

 

อ่าน Part3

 

talk

มันไม่ใช่อีกพาร์ทค่ะ ฮาาาาาา เอาเป็นพาร์ท 3 น่าจะจบจ้าาาา

ตอนแรกจะจบพาร์ทนี้เหมือนกันน แต่แบบว่า เจตนาแต่งเรื่องนี้อยากลอง NC ด้วยเนอะะะ

ถ้าจบพาร์ทนี้ก็จบแบบไม่ได้ลองง ; v ;

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะจ้าาา สายดองจะพยายามต่อไป ฮาา

 

My confusion (spock x kirk) 1/3

 

 

Part 1

ให้ตายเถอะพระเจ้า ที่เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่

เจ้าของความคิดสถบกับตัวเองไปมาราวกับคนบ้า มือที่คอยออกคำสั่งบนยานเอนเตอร์ไพรส์ยกขึ้นเสยผมสีอ่อนของตัวเองอย่างใช้ความคิด คิดถึงการกระทำอันไร้เหตุผลของตัวเองที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และ รวมถึงตอนนี้ด้วย

 

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสำรวจ 5 ปี เขาและลูกเรือก็ได้พักงานเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อเป็นการผ่อนคลายตนก่อนขึ้นทำภารกิจสำรวจใหม่ และรอคอยการซ่อมแซมยามเอนเตอร์ไพรส์รุ่นแรกให้เสร็จเรียบร้อย แต่นั้นก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เคิร์กหลบหลีกทุกคน พาตัวเองท่องเที่ยวโดยไม่บอกใครและไม่ยอมให้ใครติดต่อตัวเองได้ ใช่! เขาปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดจากทุกคน

 

ด้วยสาเหตุเนื่องมาจาก การฉลองวันเกิดให้เขาเมื่ออาทิตย์ก่อน แพทย์ประจำยานเอนเตอร์ไพรส์ที่ในมือมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีสวยอยู่หลุดปากเล่าถึงต้นหนคนเก่งของเขา

โบนส์เรียกชื่อเคิร์กด้วยเสียงลากยาว นั้นทำให้เคิร์กแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้คนที่คอยสั่งให้เขาลดเอาแอลกอฮอล์เข้ากระแสเลือดกลับเป็นฝ่ายเมาเสียเอง

 

“นายเมาแล้วหรอโบนส์ แย่ชะมัดวันเกิดฉันทำไมนายถึงเมาเสียเอง” เคิร์กบ่นเซ็งๆที่เพื่อนของตนเมาไปอีกคน และตอนนี้จำนวนคนที่เริ่มเมาก็เริ่มจะนับไม่ถ้วนแล้ว

 

“เออน่า” หมอโบนส์บอกปัดการบ่นของเขา “จิม รู้หรือเปล่าว่าไอ้หนูผีหูแหลมมันจะลาออกกลับไปทำงานที่บ้านเกิดมัน”

 

เคิร์กนิ่งงันอย่างตกใจ จนต้องเอ่ยถามคนเมาอีกรอบ “เฮ้ นายว่าอะไรนะ”

 

“เอกอัครราชทูตสป็อคเสียชีวิตแล้ว ชาววัลแคนมาแจ้งข่าวให้ไอ้หนูผีหูแหลม” โบนส์พูดต่อไปเหมือนเรื่องเล่าเรื่อยเปื่อยโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของคนฟัง

 

เคิร์กรู้สึกราวกับหาเสียงตัวเองไม่ออก แต่ก็ยังคงถามคนเมาต่อไปเพื่อให้เล่าสิ่งที่ตนไม่รู้ต่อ “ฉันไม่เห็นจะรู้…. สป็อคบอกนายตอนไหนโบนส์”

 

“อ่าว! เจ้านั่นยังไม่บอกนายหรอ อื้ม… รู้สึกจะเป็นตอนที่อยู่ด้วยกันหลังจากสละยาน”

 

“อืม..” เคิร์กจมอยู่กับความหน่วงในอกอย่างประหลาดปล่อยให้โบนส์พูดทุกสิ่งที่อยากพ่นออกมาไปเรื่อยเปื่อย พร้อมกับเคิร์กไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรและหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

 

จนทำให้สุดท้ายหลังจบปาร์ตี้ฉลอง เคิร์กก็หลบออกมาโดยไม่บอกใครและปิดช่องทางสื่อสารทุกชนิด เคิร์กต้องการเวลา…

‘ฉันจะทำยังไงถ้าไม่มีนายสป็อค’

คำพูดที่เขาใช้กับต้นหนคนเก่งของตนยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเขา ราวกับตอกย้ำถึงเหตุที่เขาพึ่งรับรู้มา และต้องการให้เขาหาคำตอบให้คำถามนั้น

 

และระหว่างที่เคิร์กกำลังนั่งคิดมากกับตัวเองอยู่ แขนของเขาก็สะบัดไปโดนเครื่องมือสื่อสารอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้มันเปิดขึ้นทันที เสียงเตือนของมันทำงานอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงข้อความมากมายที่ส่งมาถามไถ่เขาที่พักร้อนแบบไม่บอกใคร

 

เคิร์กหยิบมันขึ้นมาดูนิดหน่อยเพราะต้องการจะปิดมันให้เหมือนเดิม ตอนนี้เขาไม่ต้องการให้ใครมาตามตัวเขาและเขายังไม่ต้องการพูดคุยกับใครท่ามกลางอาการสับสนที่เขาไม่รู้จักนี้ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ปิด การติดต่อของโบนส์เพื่อนสนิทของเขาก็เด้งขึ้นมาทันที

“เฮ้! จิม! ไอ้เด็กบ้า! นายหลบไปไหนของนาย นายคิดว่าการที่นายละทิ้งการตรวจร่างกายจากแพทย์ประจำยานของนายจะทำให้นายมีความสุขระหว่างการท่องเที่ยวแบบไม่รับรู้สิ่งใดเลย ฉันจะบอกนายให้รู้เลยว่านายคิดผิด!” โบนส์ตะคอกใส่เคิร์กอย่างเหลืออด ให้ทายถ้าหากอยู่ใกล้ๆเคิร์กมั่นใจว่าโบนส์จะต้องฉีดไฮเปอร์สเปรย์ใส่เขาทันทีโดยไม่ถามอะไรแหง

 

“เฮ้ ไม่เอาน่าฉันไม่เป็นอะไร”

 

“แต่ผลการตรวจของนายมันไม่ใช่อย่างที่นายพูดนะจิม ให้ตายเถอะเป็นบ้าอะไรถึงหายไปดื้อๆแบบนี้วะ!” คุณหมอบ่นใส่กัปตันของตัวเองอย่างเหลืออด “ให้ตายเถอะถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา ฉันกลัวว่าฉันจะได้ขึ้นเป็นกัปตันแทนนายเลยมั่ง! ฉันเป็นหมอนะให้ตายเถอะจิม”

 

“อาฮ่ะ…” เคิร์กไม่ได้พูดอะไรต่อ ก็ต้องฟังโบนส์รัวใส่เขา

 

“นี่นายให้ฉันทำซะทุกงานแล้วละมั่ง เหลือแค่ตำแหน่งกัปตันไง! และนั่นอย่า… หยุดการกระทำของนายเดี๋ยวนี้จิม” โบนส์ชี้ผ่านช่องทางสื่อสารเมื่อเห็นเคิร์กกำลังเลื่อนมือไปปิดเครื่องมือสื่อสาร

 

เคิร์กกรอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ ที่โดนจำได้ แต่ก็ต้องยิ้มแหย่ๆไปให้ พร้อมกับยกมือขึ้นว่ายอมแพ้

 

“ฉันเป็นหมอจิม และหน้าที่ของฉันคือตรวจร่างกายนาย! และตอนนี้ผลตรวจคือร่างกายนายกำลังต้องการการพักผ่อนถึง 70% ภายใต้การดูแลของแพทย์แบบฉัน ร่างกายนายกำลังแพ้สารบางชนิดที่นายโดนเข้าไปแบบไม่รู้ตัว..”

 

และก่อนที่โบนส์จะพูดอะไรต่อ เคิร์กก็เบรกคนขี้บ่นเสียก่อน “ไม่เอาน่าโบนส์ ตอนนี้ฉันแข็งแรงดีแล้ว และฉันก็โดนนายจัดฉีดยาแล้วไง”

 

“ถึงได้ยาแล้วฉันก็ต้องการให้นายกลับมาตรวจเช็คสภาพตัวเองโว้ย! กลับมาเดี๋ยวนี้นะจิม!!”

 

“โอ้ะ มือมันลื่นหน่ะ” เคิร์กแสร้งส่งเสียงตกใจ แล้วจึงเลื่อนมือไปปิดสัญญาณรับภาพจากโบนส์ทันที

 

ก่อนที่ช่องทางการติอต่อจะหายไปเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างเหลืออดของแพทย์ประจำยานเอนเตอร์ไพรส์ของเขาว่า “นายคิดว่านายจะหนีรอดหรอจิม นายพลาดแล้ว!”

 

เคิร์กนิ่งคิดไปนิดหน่อย ก่อนจะอุทานอย่างตกใจเพราะการติดต่อเมื่อกื้ทำให้ตำแหน่งติดตามของเขาเปิดขึ้นมา “เวรแล้ว” เคิร์กรีบปิดตำแหน่งติดตามและปิดเครื่องมือสื่อสารในทันที ก่อนจะรีบลุกออกไปจากบาร์เหล้าราคาถูกเพื่อออกไปจากบริเวณพื้นที่นี้ที่สามารถค้นหาเขาเจอได้

 

เขาแค่ยังไม่พร้อมที่จะกลับไปรับการลาออกของ สป็อค ก็แค่นั้นเอง…

 

เคิร์กขับรถหนีมาที่อีกเมืองหนึ่งข้างๆเมืองเดิม เมืองนี้เป็นเมืองหนาว ไม่ใช่สิ เขาเลือกที่จะเดินทางไปในเมืองที่กำลังมีฤดูหนาวทุกทีเลย สาเหตุหรอ.. วัลแคน ไม่ชอบความเหนาวเย็นอย่างไรละ แม้เขาจะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรไร้สาระโดนการตามหาเขาเพื่อมาลาออกกับเขาเป็นการส่วนตัวในช่วงเวลาพักของเขาหรอกนะ

 

เคิร์กเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ไม่ได้หรูมาก และไม่ถึงกับแย่มาก สองแขนเท้ากับระเบียงมองไปยังวิวด้านนอก ไม่ได้สนใจความหนาวเย็นที่กำลังกัดกินเขาอย่างช้าๆ สมองกำลังคิดพิจารณา หาเหตุผลที่เขาทำตัวไร้สาระแบบนี้เพียงแค่รู้ว่าสป็อคกำลังจะลาออกจากสตาร์ฟลีต ออกจากยานเอนเตอร์ไพรส์ ห่างไกลไปจากตัวเขา….

 

ใบหน้าสับสันโน้มตัวลงไปฟุบกับแขนที่กำลังเท้าอยู่กับระเบียงห้องพัก จนไม่ได้รับรู้ถึงการมาถึงของอีกร่างในห้องของตน

 

เคิร์กฟุบอยู่แบบนั้นอยู่นานบ่นกับตัวเองเสียงแผ่ว ถึงสาเหตุที่เขาต้องรู้สึกปั่นปวนเพียงเพราะคนคนเดียว แถมยังเป็นผู้ชายอีก

“และคนคนนั้นคือผมใช่หรือไม่กัปตัน”

 

เคิร์กสะดุ้งใจใจเพราะเสียงของคนที่เขากำลังคิดถึง ร่างของกัปตันของยานเอนเตอร์ไพรส์รีบหันกลับไปยังต้นเสียงที่มาจากด้านหลังของตน และระหว่างที่หันกลับไปเขาก็พึ่งรุ้สึกได้ถึงฝ่ายมือของอีกฝ่ายกำลังจะเข้ามาสัมผัสตัวเขา เคิร์กรีบสะบัดให้มือนั้นให้ออกไป เพราะเขาจำได้ว่าการทำแบบนี้คือการร่วมจิตรับรู้กับอีกฝ่าย ซึ่งเขาเคยโดนมันมาแล้วตอนที่เจอกับสป็อคจากโลกอนาคต

“สะ.. สป็อค”

 

“ใช่ครับเป็นผม ถือว่าสวัสดีในรอบ 9 วัน กับอีก 7 ชั่วโมง 34 นาที ที่คุณหลบหนีออกมาครับ” สป็อคพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเช่นเคย

 

เคิร์กที่ตกใจมากเพราะคำพูดถามก่อนหน้าของสป็อค พลันใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีแดงด้วยความอับอายที่โดนอีกฝ่ายล่วงได้ยินคำพูดก่อนหน้าและเพราะความอับอายนี้เองทำให้เคิร์กรีบเดินหลบสป็อคเข้าไปในห้อง

 

สป็อคเห็นอาการอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ และเดินตามเข้าไปในห้องเช่นเดียวกับเคิร์ก ชาววัลแคนไม่ชอบอาการหนาวเย็น ดีเสียอีกที่อีกฝ่ายเดินเข้าไปในห้อง สป็อคจะได้ไม่ต้องอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็นที่ตัวเองไม่ชอบ

 

เคิร์กนั่งลงบนเตียงเดี่ยวของห้อง ยกมือขึ้นลูบไปหน้าเพื่อปรับอุณหภูมิใบหน้าของตัว เมื่อเริ่มควบคุมใบหน้าของตัวเองได้จึงหันไปหาชาววันแคลที่กำลังยืนรอเขาอยู่ตรงหน้า

 

สป็อคเมื่อเห็นว่าเคิร์กกลับมามีสติดีแล้วจึงเริ่มเปิดปากพูด “ผมมาตามตัวคุณให้คุณหมอ และตามกฎของสตาร์ฟลีตแล้วต้นหนที่ดีต้องใส่ใจถึงความปลอดภัยของร่างกายของกัปตัน และผมเห็นด้วยกับคุณหมอที่จะตามตัวคุณกลับไปเพื่อทำการตรวจสอบอีกที”

 

สิ้นคำพูดอธิบายของคนที่ทำให้เขากำลังสับสนในตอนนี้ เขาก็ต้องคิดถึงคำพูดสุดท้ายของโบนส์ในช่องทางติดต่อทันที “ให้ตายเถอะ นายเอาจริงดิ”  เคิร์กพูดกับตัวเองเบาๆแต่ก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากการได้ยินของชาววัลแคนได้

 

“หากคุณกำลังหมายถึงการที่ผมมาพาตัวคุณกลับไป ย่อมเป็นเช่นนั้นครับ”

 

“โว้วๆ ไม่ๆ ฉันไม่ได้หมายถึงนาย” แล้วเคิร์กก็ถอนหายใจ “อืม… บ่นถึงโบนส์เฉยๆหน่ะนะ”

 

“ขออภัย ผมไม่ค่อยจะทราบถึงการกระทำเชิงนี้ของมนุษย์ซักเท่าไหร่”

 

เคิร์กมองการตอบกลับแบบหุ่นยนต์ของอีกฝ่ายแล้วจึงเปิดประเด็นคำถามที่เขาไม่อยากจะรู้คำตอบมากนัก แต่ในเมื่อยังไงก็คงโดนตามกลับไปยานอยู่ดีก็ไม่สู้ถามมันเสียตรงนี้ไปเลยจะได้ไม่ต้องคิดมากจนกว่าจะไปถึงยาน “ทำไมนายมาที่นี้ ไม่ๆ ฉันไม่ได้ถามถึงประเด็นก่อนหน้าของนายในฐานะต้นหนที่ดีของนาย ฉันหมายถึง.. อืม นายจะลาออกไปดาวของนายไม่ใช่หรอ”

 

สป็อคเลิกคิ้วอย่างแปลกใจในคำถามของเคิร์ก “หากเป็นก่อนหน้านั้นก็ยอมรับครับ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้คิดจะออกไปจากสตาร์ฟลีตแล้วครับ”

 

“นั้นสินะ…” เคิร์กกำลังจะทำใจตอบรับกับคำตอบเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็ต้องใจเต้นรัวอย่างดีใจจนถามย้ำไปอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “นายว่าอะไรนะ!”

 

“ตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการที่จะออกจากสตาร์ฟลีตครับ”

 

เคิร์กร้องเยสในใจ เขายิ้มออกมาอย่างชื่นบานเมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย  ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองเบาๆที่เอาแต่คิดมากโดยไม่มาถามเจ้าตัวให้แน่เสียก่อน จนพาลให้ทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้ แต่จะทำไงได้ละ เขากลัวคำตอบจากอีกฝ่ายนี้หว่า และอยู่ๆอาการสับสนที่เขาไม่รู้สาเหตุก็หายไปทันตาเห็น ซึ่งเคิร์กก็ไม่ได้คิดจะหาสาเหตุที่อยู่ๆมันก็หายไปเพราะคิดว่ามันคงไม่มีอะไรมาก

 

“สภาพอารมณ์คุณดูจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะครับกัปตัน”

 

“โอ้ อ่าวหรอ” เคิร์กยิ้มแหย่ที่โดนจับได้ “ช่างเถอะๆ แล้วนายบีมมาหรือเปล่า จะพาฉันกลับไปหาโบนส์เลยก็ได้นะ” เมื่ออาการสับสนงี่เง่าหายไปเคิร์กก็ไม่มีปัญหาที่จะกลับไป

 

สป็อคเหมือนจะเหยียดยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้รับคำถามของเขา ซึ่งเขาอาจจะคิดไปเอง

 

“คำถามแรกใช่ครับผมบีมมา และคำถามที่สอง ขอปฏิเสธที่จะบีมคุณกลับไปหาหมอโบนส์ในตอนนี้เลยครับ”

 

เคิร์กเลิกคิ้วแปลกใจในคำตอบที่สอง “นายจะพักก่อนหรอ ได้สิแต่เตียงห้องนี้ไม่ไหวหรอกนะ นายควรไปจองอีกห้อง” เพราะห้องนี้เป็นห้องเดี่ยว ถ้าให้นอนด้วยกันคงจะแปลกๆ

 

“ปฏิเสธครับผมไม่ได้จะพักผ่อน และ ปฏิเสธการจองอีกห้องครับ คืนนี้ผมได้ใช้เตียงห้องนี้อย่างแน่นอน”

 

“ห้ะ ไม่ได้จะพักผ่อนแต่จะใช้เตียงฉัน นายพูดอะไรของนายนะสป็อค นี่นายโอเคใช่ไหม? ถ้านายจะพัก ฉันไม่ไปไหนจากห้องนี้หรอกนะเพราะฉันจองห้องนี้แล้ว”

 

“คุณไม่ได้ไปไหนหรอกครับกัปตัน เพราะคุณจะอยู่กับผมบนเตียงนี้ทั้งคืน”

 

น้ำเสียงราบเรียบของอีกฝ่ายขัดแย้งกับประโยคที่ใช้อย่างแรง หน้าของเคิร์กเริ่มเห่อร้อนอย่างช่วยไม่ได้ เพราะคำพูดแปลกๆของคนที่เขาปรามาสว่าเป็นหุ่นยนต์ตรงหน้าเขาเอง “หมายความว่ายังไง” เคิร์กอดจะถามอีกฝ่ายด้วยคำถามสาวน้อยไม่ได้ เพราะรู้สึกถึงการคุกคามทางสายตา

 

สป็อคมองเคิร์กนิ่งๆ มองไปทั่วร่างกายของอีกฝ่าย ราวกับจ้องทะลุผ่านเสื้อไปได้ จนทำให้เคิร์กต้องรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้นกับสายตาของชาววัลแคนตรงหน้า “ความหมายตรงตัวครับ

 

อ่าน Part2

talk

ด้วยความเคารพยิ่ง เราเป็นสายดองนะคะ ฮาาาาาาา

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ตอนนี้หลงรัก และ จิ้นคู่นี้มากมายยยย

เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ :>

SP โฟเบีย – โรคกลัวเด็ก

#SPโฟเบีย

#Spideypool

  •  มาจากกิจกรรมในทวิตเตอร์นะค้าาา ตามได้จากแท็กอันแรกด้านบนเลยย มีหลายเรื่องของหลายๆคนค่ะ
  • โดยเราได้หัวข้อ โรคกลัวเด็ก นะคะ
  • twitter : @__samu1615

 

สไปดี้อิมเมจเป็นหนู ทอม ฮอลแลนด์ นะคะ ><

เพราะน้องหนูดูใสใสสุดและน่าล่อลวงที่สุดแล้วค่ะ ! #นั่น

 

 

 

 

วันวันหนึ่งของเขาก็ไม่มีอะไรมาก

 

ชีวิตของเขาดำเนินไปตามปกติเช่นเคยดั่งเช่นทุกวัน

 

เพียงแค่อาจจะไม่เหมือนใครนิดหน่อย… แค่นิดหน่อยจริงๆอะนะ

 

เขาว่ามันก็ไม่แปลกนะ กับ การที่ต้องใส่หน้ากากสีแดง กับ ชุดสีแดงๆนาบแนบไปตัว

 

เพื่อจะออกไปปีนตึก โหนตึก เพื่อที่จะ ระบายอารมณ์ แฮ่ม ช่วยเหลือประชาชนทุกๆวัน

 

อืม… เขาว่าชุดสีแดงที่คุณสตาร์คช่วยออกแบบให้เขาเจ๋งที่สุดแล้วหล่ะ เขาชอบมากเลยทีเดียว

 

แต่ตอนนี้เขากำลังพบกับปัญหาใหม่ เพราะมีเจ้าตัวแดงในชุดที่นาบแนบไปกับตัวปรากฏตัวขึ้นอีกคน

 

ชุดของคนคนนั้นค่อนข้างที่จะคล้ายของเขานะ เขาคิดว่างั้น

 

แต่ช่างเถอะ เขาไม่สนใจหรอก เพราะยังไงก็คงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน

 

และนั้นก็ทำให้เขารู้ว่าเขาคิดผิด…. อย่างแรง

 

“เฮ้ ที่รักเจอกันอีกแล้ว” เจ้าคนชุดแดงที่เขาให้ชื่อเรียกในใจอย่างลับๆว่าเป็นลอกเลียนแบบชุดของเขาส่งเสียงทักเขา

 

ปีเตอร์กรอกสายตาอย่างรำคาญ เพราะตอนนี้เขาที่อยู่ในสุดยอดชุดที่คุณสตาร์คทำขึ้นเป็นพิเศษให้นั้นกำลังนั่งอยู่บนตึกสูงเพื่อกำลังมองหาเรื่องให้เข้าไปวุ่ยวาย แฮ่ม ช่วยเหลือ และไม่คิดว่าจะเจอคนคนนี้

 

“สไปดี้เมินเค้า เค้าเสียใจ” คนที่ตอนหลังใช้ชื่อในวงการว่า เดดพูล เรียกชื่อในวงการของตัวเขาแบบย่อๆ จริงๆมันควรจะเป็น สไปเดอร์แมน ต่างหาก!

 

แต่ช่างเถอะ เขาไม่อยากคุยกับคนคนนี้หรอกนะ ว่าแล้วปีเตอร์ก็เมินไปทางอื่นแบบไม่สนใจแต่ก็ต้องสะดุ้งตกใจจนร้องอุทานเสียงดัง “เฮ้ย!”

 

เพราะเดดพูลนั้นเข้ามาประชิดตัวเขาจนเซ้นส์แมงมุมทำงาน เขายื่นมือไปดันหน้าอีกคนออกอย่างรวดเร็ว ให้ตายเถอะเผลอนิดเผลอหน่อยเป็นไม่ได้! “เป็นบ้าอะไรอีกแล้วเนี้ย!”

 

“แบบว่าบ้ารักเบบี้บอย <3”

 

“เห้ออออออออออออ”

ปีเตอร์ถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่าย เขาไม่เข้าใจเดดพูลเลยจริงๆ จำได้ว่าแถวนี้มีแค่เขาเป็นฮีโร่เพียงคนเดียว อยู่ๆก็มีใครไม่รู้โผล่เข้ามา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจยังคงหาเรื่องสนุกๆทำโดยการช่วยเหลือคนไปเรื่อยๆ แต่อยู่ๆในระหว่างที่เขากำลังนั่งกินแซนวิชแสนอร่อยของป้าเมย์อยู่บนสะพานแขวนเงียบๆคนเดียว ก็มีใครไม่รู้โผล่มาข้างหลังจนเขาแทบจะวางมวยใส่ทันที

 

ตูม! โครม!

และแล้วก็เหมือนจะมีภารกิจเข้ามาหาพวกเขาจนได้ เสียงการเกิดอุบัติเหตุดังลั่นมาจากอีกฟากนึงของเมือง เขาได้ยินมันชัดเจน จึงรีบที่จะไปช่วยทันที

 

หมับ

แต่ก็ไม่ทันได้พ่นใยออกจากเครื่องที่มือ เพราะมีมือที่ไวกว่าคว้าหมับเข้าที่เอวของเขา

 

เขาหันไปแหวใส่ “เฮ้ ปล่อยสิฉันจะไปดูว่ามีอะไรเกินขึ้น”

 

เดดพูลส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงมองว่ามันช่างกวนบาทาเหลือเกิน “โนวๆ เค้าไม่ปล่อยหรอกเบบี้บอยจะทิ้งเค้าอะ!”

 

โอย มีความรำคาญครับ !! งั้นก็ไปทั้งแบบนี้แหละ!

เขาไม่สนใจตัวน่ารำคาญที่เกาะเอวตนเองไว้แน่น และรีบปล่อยใยจากเครื่องพ่นใยที่ข้อมือของตนไปที่ตึกตรงข้าม และกระโดดลงทิ้งตัวโหนไปตามตึกต่างๆ มุ่งหน้าไปยั่งทิศที่มีเสียง โดยที่มีมือปลาหมึกเกาะเขาแน่บหนึบไม่ยอมปล่อย

 

และเมื่อไปถึงเขาก็เห็นอุบัติเหตุรถชน แต่มันจะไม่มีอะไรเลยหน่ะสิ ถ้าไม่ใช่ว่ารถที่ชนนั้นเป็นรถขนาดใหญ่สีเหลืองของโรงเรียนเด็กประถม! แต่ดูโดยรวมแล้วตัวเขาคงไม่ต้องเข้าไปช่วยเพราะเป็นแค่การชนกันของรถไม่มีอะไรมาก และก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือแล้ว

 

เขามองเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ จนนึกได้ถึงมือปลาหมึกที่กอดเอวเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “ปล่อยได้แล้วเดดพูล”

 

เดดพูลไม่ตอบกลับ แต่เอาหน้าซุกไซร้หัวเขาไปมา แม้มันจะมีหน้ากากอยู่แต่มันก็แค่ผ้าแนบเนื้อทำให้รู้สึกแปลกๆอยู่เหมือนกัน

 

“ถ้าไม่ช่างจ้อ ก็ต้องถึงเนื้อถึงตัวตลอด มีใครเคยบอกนายไหมว่านายมันน่ารำคาญ” ปีเตอร์ดันหัวอีกฝ่ายออกพร้อมกับเสียงบ่น

 

“ไม่ค่อยจะบ่อยเท่าคำว่ากวนอวัยวะเบื้องล่าง”

 

“กวนตีน”

 

“ไม่นะเบบี้บอย หนูน้อยน่ารักของป๋าไม่ควรพูดคำนี้!” เดดพูลทำท่าประหนึ่งโลกนี้จะแตกสลายใส่ปีเตอร์

 

โดยส่วนตัวแล้วปีเตอร์คิดว่าตัวเองก็เป็นคนที่พูดมากอยู่เหมือนกัน แต่พอมาเจอเดดพูลเขาก็รู้สึกหมดคำพูดจริงๆ จากที่ดูร่างกายของเดดพูลผ่านชุดแนบเนื้อเขาคิดว่าคนคนนี้น่าจะอายุเยอะกว่าเขาพอสมควรนะ แต่เขาก็ไม่อยากพูดจาสุภาพเหมือนตอนพูดกับคุณสตาร์คหรอก เพราะเดดพูลไม่เคยเจอเขา และไม่รู้อายุของเขานี้หน่า พื้นฐานการกวนที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้อายุเราต้องตีตนเสมอ!

 

ปีเตอร์เลือกที่จะเมินเดดพูลอีกครั้ง แต่ในขณะที่เขากำลังเบนสายตาออกไปมองเหตุการณ์ด้านล่าง ก็เห็นเด็กน้อยคนหนึ่งอายุราวๆ 3 ขวบกำลังปีนลงมาจากหน้าต่างรถโรงเรียนโดยไม่รั้งรอให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ใหญ่เข้าไปช่วย อาจเพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนท้องถนน และเด็กน้อยคนนั้นก็อยู่เป็นคนหลังสุดของคัน

 

เด็กน้อยก้าวขาออกมาจากหน้าต่างของรถ ขาหนึ่งห้อยอยู่ด้านนอก ส่วนมือจับหน้าต่างด้านข้างไว้แน่น ดวงตาจ้องมองไปบนพื้นถนนก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงไป แต่อาจจะเป็นเพราะสรีระที่ยังบอบบางและไม่แข็งแรงทำให้แทนที่จะเป็นส่วนขาที่ต้องพุ่งลงไปบนพื้นถนน กลับเป็นส่วนหัวที่จะดิ่งลงไปบนพื้นแทน

 

เมื่อเห็นดังนั้นปีเตอร์ก็พุ่งลงไปแบบไม่คิดถึงความกลัวของตน กระโดดลงมาจากตึกสองชั้นที่ตนกำลังอยู่ ขณะกระโดดมือข้างหนึ่งพ่นใยไปจับตัวเด็กน้อยไว้ อีกข้างก็พ่นไปที่ตึกเพื่อรั้งตัวไว้ไม่ให้ตกลงสู่พื้น

 

ปีเตอร์ปล่อยเด็กให้ลงสู่พื้นถนน ก่อนจะกระโดดลงมาด้วย เพราะก่อนหน้ารีบร้อนกระโดดลงมารับช่วยเด็กคนนี้จึงทรงตัวที่จะโหนต่อไม่ได้

 

เด็กน้อยที่ยังตกใจ แต่ก็หายทันทีที่เห็นร่างของเขา เด็กน้อยตะโกนเสียงดังอย่างดีใจ “สไปเดอร์แมนช่วยผมฮะ!!”

 

เมื่อจบเสียงเด็กน้อยที่เขาให้ความช่วยเหลือ คนรอบข้างก็เริ่มหันมามอง เด็กตัวเล็กหลายๆคนเมื่อเห็นฮีโร่ในดวงใจสายตาก็เปล่งประกายรีบวิ่งเข้ามาหาฮีโร่ของตนทันที “ไอ้แมงมุมมมมมมมมมมม”

 

เด็กหลายๆคนส่งเสียงเรียก และหลายๆคนเริ่มที่จะเข้ามาจับตัวเขา ไม่ก็กระโดดกอดเขา

 

ปีเตอร์เกร็งทันทีที่เห็นร่างเด็กหลายเข้ามาหาตน มือเท้าก็เริ่มเย็น ยังไม่ทันที่จะหลบไปจากที่ตรงนี้ก็โดนเด็กๆเข้ามาเกาะ และเข้ามากอดร่างของเขา ปีเตอร์สะดุ้งสุดตัว ตกใจจนแทบจะเป็นลม รู้สึกอยากจะวิ่งหนีออกไปแต่ก็กลัวจนทำอะไรไม่ถูก

 

เขารู้สึกว่าเหงื่อกำลังแตกพลั่ก เขากำลังกลัว…. เขารู้สึกอึดอัดมากๆจนแทบจะเป็นลม

 

ปีเตอร์รู้สึกอย่างทันทีว่าภายในหน้ากากของเขา น้ำตาของเขาเริ่มคลอเบ้าเพราะกำลังเครียดและกลัวจับใจ ท่าทีของเขาไม่ว่าใครก็ไม่รู้หรอกว่าเขากำลังกลัว เพราะอาการกลัวของเขาล้วนแต่อยู่เพียงในหน้ากาก ตอนนี้ตัวเขาต้องการคนช่วยเป็นอย่างมาก…

 

และในทันทีเดดพูลที่ไม่รู้ลงมาจากตึกเมื่อไหร่ ก็รีบเดินเข้ามา ก่อนจะหยุดอยู่ข้างๆตัวเขา แล้วก้มลงไปพูดกับเหล่าเด็กน้อยอย่างอารมณ์ดี “หนูๆรู้จักเดดพูลไหมเอ้ย?”

 

บรรดาเด็กน้อยพากันมองอย่าง งงงวย แน่นอนว่าเด็กๆไม่รู้จักเดดพูลหรอก เพราะเดดพูลไม่ได้ทำตัวแบบฮีโร่ซักเท่าไหร่ เดดพูลค่อนข้างจะมีความสุขกับการเรียกตัวเองว่าอาชญากร และไม่เคยเปลี่ยนอุดมการณ์ของตัวเองไปเป็นฮีโร่แม้แต่ครั้งเดียว

 

เมื่อเดดพูลเห็นว่าเด็กๆพากันมองเขาอย่างใคร่รู้จนลืมที่จะเข้าไปหาฮีโร่ในดวงใจของตนอย่างสไปเดอร์แมน เดดพูลก็รีบดึงร่างของสไปดี้ออกมาอย่างรวดเร็ว และพาเข้าไปในตรอกเล็ก เดดพูลกระซิบแผ่วเบาต่อปีเตอร์ “ฟู่ว ใจเย็นที่รักคุณไม่เป็นไรแล้ว แต่ตอนนี้คุณควรจะรีบพ่นใยน่ารักๆของคุณพาเราออกจากตรงนี้ก่อนนะ” เดดพูลพูดบอกอย่างใจเย็น

 

ปีเตอร์ในร่างสไปเดอร์แมนในตอนนี้เริ่มจะหายใจคล่องคอขึ้นมาบ้าง และเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย จึงพ่นใยขึ้นไปบนตึกทันทีโดยที่มีเดดพูลเกาะเอวของตนไว้อีกครั้ง

 

ปีเตอร์โหนตัวไปเรื่อยๆพร้อมกับเดดพูลที่เกาะเอวเขาอยู่ เขาพาตัวเองมาหยุดที่ตึกสูงแห่งหนึ่งที่ใกล้กับตึกที่พักของเขากับป้าเมย์ ที่เขาไม่ไปที่ตึกที่เขาพักอยู่ก็เพราะนึกได้ถึงการคงอยู่ของคนที่เกาะเอวของตนเองอยู่ “ปล่อยได้แล้ว”

 

“หายกลัวหรือยัง” เดดพูลถามด้วยน้ำเสียงแปลกไปจากเคย มันดูอ่อนโยนกว่าสิ่งที่เดดพูลมักจะพูดกวนในเวลาปกติ

 

“รู้ได้ยังไงว่าฉันกลัว” เขาหันไปถามเดดพูลอย่างแปลกใจ เพระเขาไม่คิดว่าจะมีคนที่รู้อาการของเขานอกจากป้าเมย์

 

“ฉันรู้ว่านายป่วย”

 

ปีเตอร์เงียบในคำตอบของเดดพูล ใช่ครับตัวเขาเองก็รู้ว่าตนเองป่วย อาการป่วยที่เรียกว่า โรคโฟเบีย โรคนี้มีอาการที่แสดงออกมาคือการที่กลัวอะไรมากๆ จนทำให้เข้าใกล้ หรือ ทำสิ่งนั้นไม่ได้ และอาการกลัวของเขาก็คือ กลัวเด็ก อาจจะดูไม่มีเหตุผลไปหน่อยแต่เขากลัวมันจริงๆ แต่คิดว่าคงเลี่ยงได้จึงไม่คิดที่จะเข้ารักษา “นายรู้ได้ยังไง”

 

“ฉันรู้เรื่องของนายทุกเรื่องที่รัก”

 

ปีเตอร์มองอีกฝ่ายอย่างระแวง “ต้องการอะไร”

 

“โอ้ไม่ อย่ามองฉันด้วยสายตาร้อนแรงแบบนั้นเบบี้บอย เชื่อใจฉันได้เลยฉันไม่ใช่ศัตรูของนายแน่นอน”

 

ปีเตอร์นิ่งคิดไปนิดหน่อย แต่ก็คิดได้ว่าอีกฝ่ายไม่เคยทำร้ายเขา ส่วนใหญ่จะคอยช่วยเหลือเขามากกว่าเวลาเขาพลาดในการต่อสู้ และเมื่อกี้อีกฝ่ายก็ยังเป็นฝ่ายช่วยเขามากจากตรงนั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นปีเตอร์จึงพูดเสียงอ่อนลงนิดหน่อย “แล้วต้องการอะไรละ”

 

“ทำความรู้จัก”

 

“เพื่ออะไรละ” เขาถามอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

 

“ก็แค่อยากรู้จัก” เดดพูลยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

 

ปีเตอร์มองเดดพูลนิ่ง เพราะไม่เข้าใจอีกฝ่ายจริงๆ จะรู้จักกันไปเพื่ออะไรไม่ได้เกี่ยวข้องกันซักหน่อย อีกฝ่ายก็คงไม่เข้าทีม ดิ แอดเวนเจอร์ หรอกนะ แต่ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริงคุณสตาร์คน่าจะบอกเขา แต่เขาก็ไม่เห็นว่าคุณสตาร์คจะเพิ่มสมาชิกใหม่ มันจึงค่อนข้างจะแปลกมากถึงมากที่สุด

 

“ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์” เมื่อเห็นเขานิ่งไปนานเดดพูลจึงเรียกชื่อจริงของปีเตอร์แทนที่จะเรียกชื่อในวงการซุปเปอร์ฮีโร่

 

ปีเตอร์ตกใจทันทีเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อจริงๆของตน “เฮ้ ฉันไม่เคยบอกชื่อของฉันกับใคร” ในชุดนี้

 

“ขนาดอาการป่วยของนายฉันยังรู้ คิดหรอว่าฉันจะไม่รู้ชื่อของนายปีเตอร์” คนที่ปกติมีความกวนค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้กลับพูดด้วยน้ำเสียงสุขุมดูเป็นผู้ใหญ่

 

ปีเตอร์ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย กับคนคนนี้คงไม่ต้องปิดอะไรแล้วละมั่ง ขนาดอาการที่เขาไม่เคยบอกใครเขาคนนี้ยังรู้ได้ คิดได้ดังนั้นปีเตอร์จึงแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในขณะที่สวมชุดไอ้แมงมุมของตัวเอง “ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์”

 

เดดพูลมองเขาอย่างแปลกใจนิดหน่อยก่อนจะตอบรับการแนะนำตัวของเขาด้วยการยื่นมือเข้ามาจับมือของเขาเขย่าเบาๆแล้วแนะนำชื่อตัวเอง “เวด วิลสัน”

 

เขาพูดอย่างเซ็งๆใส่เดดพูล “ถือว่ายินดีที่ได้รู้จักก็แล้วกันคุณวิลสัน”

 

“ยินดีครับคุณปาร์คเกอร์”

 

 

  • talk
  • คิดว่าาา น่าจะมีอีกซัก พาร์ทค่ะ จบพาร์ทแรกก่อนเนอะะะ
  • ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค้าา ><
  • สมัครเว็บนี้เพื่อลงนิยายเลย ฮาาาาา