My confusion (spock x kirk) 1/3

 

 

Part 1

ให้ตายเถอะพระเจ้า ที่เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่

เจ้าของความคิดสถบกับตัวเองไปมาราวกับคนบ้า มือที่คอยออกคำสั่งบนยานเอนเตอร์ไพรส์ยกขึ้นเสยผมสีอ่อนของตัวเองอย่างใช้ความคิด คิดถึงการกระทำอันไร้เหตุผลของตัวเองที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และ รวมถึงตอนนี้ด้วย

 

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจสำรวจ 5 ปี เขาและลูกเรือก็ได้พักงานเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อเป็นการผ่อนคลายตนก่อนขึ้นทำภารกิจสำรวจใหม่ และรอคอยการซ่อมแซมยามเอนเตอร์ไพรส์รุ่นแรกให้เสร็จเรียบร้อย แต่นั้นก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เคิร์กหลบหลีกทุกคน พาตัวเองท่องเที่ยวโดยไม่บอกใครและไม่ยอมให้ใครติดต่อตัวเองได้ ใช่! เขาปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดจากทุกคน

 

ด้วยสาเหตุเนื่องมาจาก การฉลองวันเกิดให้เขาเมื่ออาทิตย์ก่อน แพทย์ประจำยานเอนเตอร์ไพรส์ที่ในมือมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สีสวยอยู่หลุดปากเล่าถึงต้นหนคนเก่งของเขา

โบนส์เรียกชื่อเคิร์กด้วยเสียงลากยาว นั้นทำให้เคิร์กแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้คนที่คอยสั่งให้เขาลดเอาแอลกอฮอล์เข้ากระแสเลือดกลับเป็นฝ่ายเมาเสียเอง

 

“นายเมาแล้วหรอโบนส์ แย่ชะมัดวันเกิดฉันทำไมนายถึงเมาเสียเอง” เคิร์กบ่นเซ็งๆที่เพื่อนของตนเมาไปอีกคน และตอนนี้จำนวนคนที่เริ่มเมาก็เริ่มจะนับไม่ถ้วนแล้ว

 

“เออน่า” หมอโบนส์บอกปัดการบ่นของเขา “จิม รู้หรือเปล่าว่าไอ้หนูผีหูแหลมมันจะลาออกกลับไปทำงานที่บ้านเกิดมัน”

 

เคิร์กนิ่งงันอย่างตกใจ จนต้องเอ่ยถามคนเมาอีกรอบ “เฮ้ นายว่าอะไรนะ”

 

“เอกอัครราชทูตสป็อคเสียชีวิตแล้ว ชาววัลแคนมาแจ้งข่าวให้ไอ้หนูผีหูแหลม” โบนส์พูดต่อไปเหมือนเรื่องเล่าเรื่อยเปื่อยโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของคนฟัง

 

เคิร์กรู้สึกราวกับหาเสียงตัวเองไม่ออก แต่ก็ยังคงถามคนเมาต่อไปเพื่อให้เล่าสิ่งที่ตนไม่รู้ต่อ “ฉันไม่เห็นจะรู้…. สป็อคบอกนายตอนไหนโบนส์”

 

“อ่าว! เจ้านั่นยังไม่บอกนายหรอ อื้ม… รู้สึกจะเป็นตอนที่อยู่ด้วยกันหลังจากสละยาน”

 

“อืม..” เคิร์กจมอยู่กับความหน่วงในอกอย่างประหลาดปล่อยให้โบนส์พูดทุกสิ่งที่อยากพ่นออกมาไปเรื่อยเปื่อย พร้อมกับเคิร์กไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรและหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

 

จนทำให้สุดท้ายหลังจบปาร์ตี้ฉลอง เคิร์กก็หลบออกมาโดยไม่บอกใครและปิดช่องทางสื่อสารทุกชนิด เคิร์กต้องการเวลา…

‘ฉันจะทำยังไงถ้าไม่มีนายสป็อค’

คำพูดที่เขาใช้กับต้นหนคนเก่งของตนยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเขา ราวกับตอกย้ำถึงเหตุที่เขาพึ่งรับรู้มา และต้องการให้เขาหาคำตอบให้คำถามนั้น

 

และระหว่างที่เคิร์กกำลังนั่งคิดมากกับตัวเองอยู่ แขนของเขาก็สะบัดไปโดนเครื่องมือสื่อสารอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้มันเปิดขึ้นทันที เสียงเตือนของมันทำงานอย่างรวดเร็ว บ่งบอกถึงข้อความมากมายที่ส่งมาถามไถ่เขาที่พักร้อนแบบไม่บอกใคร

 

เคิร์กหยิบมันขึ้นมาดูนิดหน่อยเพราะต้องการจะปิดมันให้เหมือนเดิม ตอนนี้เขาไม่ต้องการให้ใครมาตามตัวเขาและเขายังไม่ต้องการพูดคุยกับใครท่ามกลางอาการสับสนที่เขาไม่รู้จักนี้ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ปิด การติดต่อของโบนส์เพื่อนสนิทของเขาก็เด้งขึ้นมาทันที

“เฮ้! จิม! ไอ้เด็กบ้า! นายหลบไปไหนของนาย นายคิดว่าการที่นายละทิ้งการตรวจร่างกายจากแพทย์ประจำยานของนายจะทำให้นายมีความสุขระหว่างการท่องเที่ยวแบบไม่รับรู้สิ่งใดเลย ฉันจะบอกนายให้รู้เลยว่านายคิดผิด!” โบนส์ตะคอกใส่เคิร์กอย่างเหลืออด ให้ทายถ้าหากอยู่ใกล้ๆเคิร์กมั่นใจว่าโบนส์จะต้องฉีดไฮเปอร์สเปรย์ใส่เขาทันทีโดยไม่ถามอะไรแหง

 

“เฮ้ ไม่เอาน่าฉันไม่เป็นอะไร”

 

“แต่ผลการตรวจของนายมันไม่ใช่อย่างที่นายพูดนะจิม ให้ตายเถอะเป็นบ้าอะไรถึงหายไปดื้อๆแบบนี้วะ!” คุณหมอบ่นใส่กัปตันของตัวเองอย่างเหลืออด “ให้ตายเถอะถ้านายเป็นอะไรขึ้นมา ฉันกลัวว่าฉันจะได้ขึ้นเป็นกัปตันแทนนายเลยมั่ง! ฉันเป็นหมอนะให้ตายเถอะจิม”

 

“อาฮ่ะ…” เคิร์กไม่ได้พูดอะไรต่อ ก็ต้องฟังโบนส์รัวใส่เขา

 

“นี่นายให้ฉันทำซะทุกงานแล้วละมั่ง เหลือแค่ตำแหน่งกัปตันไง! และนั่นอย่า… หยุดการกระทำของนายเดี๋ยวนี้จิม” โบนส์ชี้ผ่านช่องทางสื่อสารเมื่อเห็นเคิร์กกำลังเลื่อนมือไปปิดเครื่องมือสื่อสาร

 

เคิร์กกรอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ ที่โดนจำได้ แต่ก็ต้องยิ้มแหย่ๆไปให้ พร้อมกับยกมือขึ้นว่ายอมแพ้

 

“ฉันเป็นหมอจิม และหน้าที่ของฉันคือตรวจร่างกายนาย! และตอนนี้ผลตรวจคือร่างกายนายกำลังต้องการการพักผ่อนถึง 70% ภายใต้การดูแลของแพทย์แบบฉัน ร่างกายนายกำลังแพ้สารบางชนิดที่นายโดนเข้าไปแบบไม่รู้ตัว..”

 

และก่อนที่โบนส์จะพูดอะไรต่อ เคิร์กก็เบรกคนขี้บ่นเสียก่อน “ไม่เอาน่าโบนส์ ตอนนี้ฉันแข็งแรงดีแล้ว และฉันก็โดนนายจัดฉีดยาแล้วไง”

 

“ถึงได้ยาแล้วฉันก็ต้องการให้นายกลับมาตรวจเช็คสภาพตัวเองโว้ย! กลับมาเดี๋ยวนี้นะจิม!!”

 

“โอ้ะ มือมันลื่นหน่ะ” เคิร์กแสร้งส่งเสียงตกใจ แล้วจึงเลื่อนมือไปปิดสัญญาณรับภาพจากโบนส์ทันที

 

ก่อนที่ช่องทางการติอต่อจะหายไปเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างเหลืออดของแพทย์ประจำยานเอนเตอร์ไพรส์ของเขาว่า “นายคิดว่านายจะหนีรอดหรอจิม นายพลาดแล้ว!”

 

เคิร์กนิ่งคิดไปนิดหน่อย ก่อนจะอุทานอย่างตกใจเพราะการติดต่อเมื่อกื้ทำให้ตำแหน่งติดตามของเขาเปิดขึ้นมา “เวรแล้ว” เคิร์กรีบปิดตำแหน่งติดตามและปิดเครื่องมือสื่อสารในทันที ก่อนจะรีบลุกออกไปจากบาร์เหล้าราคาถูกเพื่อออกไปจากบริเวณพื้นที่นี้ที่สามารถค้นหาเขาเจอได้

 

เขาแค่ยังไม่พร้อมที่จะกลับไปรับการลาออกของ สป็อค ก็แค่นั้นเอง…

 

เคิร์กขับรถหนีมาที่อีกเมืองหนึ่งข้างๆเมืองเดิม เมืองนี้เป็นเมืองหนาว ไม่ใช่สิ เขาเลือกที่จะเดินทางไปในเมืองที่กำลังมีฤดูหนาวทุกทีเลย สาเหตุหรอ.. วัลแคน ไม่ชอบความเหนาวเย็นอย่างไรละ แม้เขาจะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรไร้สาระโดนการตามหาเขาเพื่อมาลาออกกับเขาเป็นการส่วนตัวในช่วงเวลาพักของเขาหรอกนะ

 

เคิร์กเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ไม่ได้หรูมาก และไม่ถึงกับแย่มาก สองแขนเท้ากับระเบียงมองไปยังวิวด้านนอก ไม่ได้สนใจความหนาวเย็นที่กำลังกัดกินเขาอย่างช้าๆ สมองกำลังคิดพิจารณา หาเหตุผลที่เขาทำตัวไร้สาระแบบนี้เพียงแค่รู้ว่าสป็อคกำลังจะลาออกจากสตาร์ฟลีต ออกจากยานเอนเตอร์ไพรส์ ห่างไกลไปจากตัวเขา….

 

ใบหน้าสับสันโน้มตัวลงไปฟุบกับแขนที่กำลังเท้าอยู่กับระเบียงห้องพัก จนไม่ได้รับรู้ถึงการมาถึงของอีกร่างในห้องของตน

 

เคิร์กฟุบอยู่แบบนั้นอยู่นานบ่นกับตัวเองเสียงแผ่ว ถึงสาเหตุที่เขาต้องรู้สึกปั่นปวนเพียงเพราะคนคนเดียว แถมยังเป็นผู้ชายอีก

“และคนคนนั้นคือผมใช่หรือไม่กัปตัน”

 

เคิร์กสะดุ้งใจใจเพราะเสียงของคนที่เขากำลังคิดถึง ร่างของกัปตันของยานเอนเตอร์ไพรส์รีบหันกลับไปยังต้นเสียงที่มาจากด้านหลังของตน และระหว่างที่หันกลับไปเขาก็พึ่งรุ้สึกได้ถึงฝ่ายมือของอีกฝ่ายกำลังจะเข้ามาสัมผัสตัวเขา เคิร์กรีบสะบัดให้มือนั้นให้ออกไป เพราะเขาจำได้ว่าการทำแบบนี้คือการร่วมจิตรับรู้กับอีกฝ่าย ซึ่งเขาเคยโดนมันมาแล้วตอนที่เจอกับสป็อคจากโลกอนาคต

“สะ.. สป็อค”

 

“ใช่ครับเป็นผม ถือว่าสวัสดีในรอบ 9 วัน กับอีก 7 ชั่วโมง 34 นาที ที่คุณหลบหนีออกมาครับ” สป็อคพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนเช่นเคย

 

เคิร์กที่ตกใจมากเพราะคำพูดถามก่อนหน้าของสป็อค พลันใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีแดงด้วยความอับอายที่โดนอีกฝ่ายล่วงได้ยินคำพูดก่อนหน้าและเพราะความอับอายนี้เองทำให้เคิร์กรีบเดินหลบสป็อคเข้าไปในห้อง

 

สป็อคเห็นอาการอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ และเดินตามเข้าไปในห้องเช่นเดียวกับเคิร์ก ชาววัลแคนไม่ชอบอาการหนาวเย็น ดีเสียอีกที่อีกฝ่ายเดินเข้าไปในห้อง สป็อคจะได้ไม่ต้องอยู่ท่ามกลางความหนาวเย็นที่ตัวเองไม่ชอบ

 

เคิร์กนั่งลงบนเตียงเดี่ยวของห้อง ยกมือขึ้นลูบไปหน้าเพื่อปรับอุณหภูมิใบหน้าของตัว เมื่อเริ่มควบคุมใบหน้าของตัวเองได้จึงหันไปหาชาววันแคลที่กำลังยืนรอเขาอยู่ตรงหน้า

 

สป็อคเมื่อเห็นว่าเคิร์กกลับมามีสติดีแล้วจึงเริ่มเปิดปากพูด “ผมมาตามตัวคุณให้คุณหมอ และตามกฎของสตาร์ฟลีตแล้วต้นหนที่ดีต้องใส่ใจถึงความปลอดภัยของร่างกายของกัปตัน และผมเห็นด้วยกับคุณหมอที่จะตามตัวคุณกลับไปเพื่อทำการตรวจสอบอีกที”

 

สิ้นคำพูดอธิบายของคนที่ทำให้เขากำลังสับสนในตอนนี้ เขาก็ต้องคิดถึงคำพูดสุดท้ายของโบนส์ในช่องทางติดต่อทันที “ให้ตายเถอะ นายเอาจริงดิ”  เคิร์กพูดกับตัวเองเบาๆแต่ก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากการได้ยินของชาววัลแคนได้

 

“หากคุณกำลังหมายถึงการที่ผมมาพาตัวคุณกลับไป ย่อมเป็นเช่นนั้นครับ”

 

“โว้วๆ ไม่ๆ ฉันไม่ได้หมายถึงนาย” แล้วเคิร์กก็ถอนหายใจ “อืม… บ่นถึงโบนส์เฉยๆหน่ะนะ”

 

“ขออภัย ผมไม่ค่อยจะทราบถึงการกระทำเชิงนี้ของมนุษย์ซักเท่าไหร่”

 

เคิร์กมองการตอบกลับแบบหุ่นยนต์ของอีกฝ่ายแล้วจึงเปิดประเด็นคำถามที่เขาไม่อยากจะรู้คำตอบมากนัก แต่ในเมื่อยังไงก็คงโดนตามกลับไปยานอยู่ดีก็ไม่สู้ถามมันเสียตรงนี้ไปเลยจะได้ไม่ต้องคิดมากจนกว่าจะไปถึงยาน “ทำไมนายมาที่นี้ ไม่ๆ ฉันไม่ได้ถามถึงประเด็นก่อนหน้าของนายในฐานะต้นหนที่ดีของนาย ฉันหมายถึง.. อืม นายจะลาออกไปดาวของนายไม่ใช่หรอ”

 

สป็อคเลิกคิ้วอย่างแปลกใจในคำถามของเคิร์ก “หากเป็นก่อนหน้านั้นก็ยอมรับครับ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้คิดจะออกไปจากสตาร์ฟลีตแล้วครับ”

 

“นั้นสินะ…” เคิร์กกำลังจะทำใจตอบรับกับคำตอบเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็ต้องใจเต้นรัวอย่างดีใจจนถามย้ำไปอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “นายว่าอะไรนะ!”

 

“ตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการที่จะออกจากสตาร์ฟลีตครับ”

 

เคิร์กร้องเยสในใจ เขายิ้มออกมาอย่างชื่นบานเมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย  ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองเบาๆที่เอาแต่คิดมากโดยไม่มาถามเจ้าตัวให้แน่เสียก่อน จนพาลให้ทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้ แต่จะทำไงได้ละ เขากลัวคำตอบจากอีกฝ่ายนี้หว่า และอยู่ๆอาการสับสนที่เขาไม่รู้สาเหตุก็หายไปทันตาเห็น ซึ่งเคิร์กก็ไม่ได้คิดจะหาสาเหตุที่อยู่ๆมันก็หายไปเพราะคิดว่ามันคงไม่มีอะไรมาก

 

“สภาพอารมณ์คุณดูจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นนะครับกัปตัน”

 

“โอ้ อ่าวหรอ” เคิร์กยิ้มแหย่ที่โดนจับได้ “ช่างเถอะๆ แล้วนายบีมมาหรือเปล่า จะพาฉันกลับไปหาโบนส์เลยก็ได้นะ” เมื่ออาการสับสนงี่เง่าหายไปเคิร์กก็ไม่มีปัญหาที่จะกลับไป

 

สป็อคเหมือนจะเหยียดยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้รับคำถามของเขา ซึ่งเขาอาจจะคิดไปเอง

 

“คำถามแรกใช่ครับผมบีมมา และคำถามที่สอง ขอปฏิเสธที่จะบีมคุณกลับไปหาหมอโบนส์ในตอนนี้เลยครับ”

 

เคิร์กเลิกคิ้วแปลกใจในคำตอบที่สอง “นายจะพักก่อนหรอ ได้สิแต่เตียงห้องนี้ไม่ไหวหรอกนะ นายควรไปจองอีกห้อง” เพราะห้องนี้เป็นห้องเดี่ยว ถ้าให้นอนด้วยกันคงจะแปลกๆ

 

“ปฏิเสธครับผมไม่ได้จะพักผ่อน และ ปฏิเสธการจองอีกห้องครับ คืนนี้ผมได้ใช้เตียงห้องนี้อย่างแน่นอน”

 

“ห้ะ ไม่ได้จะพักผ่อนแต่จะใช้เตียงฉัน นายพูดอะไรของนายนะสป็อค นี่นายโอเคใช่ไหม? ถ้านายจะพัก ฉันไม่ไปไหนจากห้องนี้หรอกนะเพราะฉันจองห้องนี้แล้ว”

 

“คุณไม่ได้ไปไหนหรอกครับกัปตัน เพราะคุณจะอยู่กับผมบนเตียงนี้ทั้งคืน”

 

น้ำเสียงราบเรียบของอีกฝ่ายขัดแย้งกับประโยคที่ใช้อย่างแรง หน้าของเคิร์กเริ่มเห่อร้อนอย่างช่วยไม่ได้ เพราะคำพูดแปลกๆของคนที่เขาปรามาสว่าเป็นหุ่นยนต์ตรงหน้าเขาเอง “หมายความว่ายังไง” เคิร์กอดจะถามอีกฝ่ายด้วยคำถามสาวน้อยไม่ได้ เพราะรู้สึกถึงการคุกคามทางสายตา

 

สป็อคมองเคิร์กนิ่งๆ มองไปทั่วร่างกายของอีกฝ่าย ราวกับจ้องทะลุผ่านเสื้อไปได้ จนทำให้เคิร์กต้องรู้สึกเขินอายมากยิ่งขึ้นกับสายตาของชาววัลแคนตรงหน้า “ความหมายตรงตัวครับ

 

อ่าน Part2

talk

ด้วยความเคารพยิ่ง เราเป็นสายดองนะคะ ฮาาาาาาา

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ตอนนี้หลงรัก และ จิ้นคู่นี้มากมายยยย

เจอกันพาร์ทหน้าค่ะ :>

2 thoughts on “My confusion (spock x kirk) 1/3

ใส่ความเห็น